บาคาร่า เล่นยังไง อ่านแล้วเป็นเซียนพนันแน่นอน
บาคาร่า เล่นยังไง เมื่อพูดถึงบาคาร่า นาทีนี้คงไม่มีนักพนันคนไหนไม่รู้จักแน่ เพราะทุกเว็บคาสิโนออนไลน์ต่างพากันทุ่มโฆษณา อัดโปรโมชั่น เพื่อให้นักพนันได้เข้ามาลงเดิมพันกับเกมพนันสุดฮิตอย่างบาคาร่า แต่สงสัยหรือไม่ว่าทำไมไพ่ที่นิยมเล่นกันเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เจ้ามือถึงทุ่มทุนขนาดนี้ แล้วทำไมไพ่ที่น่าจะมีโอกาสชนะได้ง่าย ๆ แต่ยังมีคนออกมาโวยวายว่าโดนโกง บทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกันว่า บาคาร่า เล่นยังไง กันมากขึ้นเรียกได้ว่าอ่านจบครบทุกตัวสามารถไปเล่นบาคาร่ากันได้เลย หากสนใจเล่นคาสิโนออนไลน์ พร้อม แทงหวยออนไลน์ ไปด้วยละก็ เว็บ lottosod มีครบวงจรเลยทีเดียว
บาคาร่า เล่นยังไง มาจากไหนทำไมถึงฮิต
หากถามว่าไพ่ บาคาร่า คืออะไร คงต้องย้อนไปถึงต้นกำเนิดของมันกันที่ อิตาลี ราว ๆ ศตวรรษที่ 15 เดิมมันถูกเรียกว่า Punto Banco หรือแปลเป็นไทยได้ความว่า ผู้เล่น เจ้ามือ ก็คือเป็นไพ่ที่เล่นกันสองฝ่าย เราสามารถแทงฝ่าย Punto (ผู้เล่น) หรือ Banco (เจ้ามือ) ก็ได้ ไพ่บาคาร่าสาย Punto Banco จึงเป็นที่นิยมกันมาก ส่วนชื่อ บาคาร่า ที่แปลว่า ศูนย์ มาจากกฎของไพ่นี้ที่ให้ไพ่ที่มีหน้า J, Q, K มีค่าเท่ากับ 0 นั่นเอง ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 ฝรั่งเศสก็หยิบเอาเกมไพ่บาคาร่ามาพัฒนาให้มีรูปแบบเฉพาะตัวภายใต้ชื่อว่า ‘Chemin de fer’ ก่อนมันจะเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในคาสิโนลาสเวกัส ในช่วงปี 1950 ขณะที่ฝั่งบ้านเราเองก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันจากบ่อนคาสิโนในปอยเปต เพราะเป็นคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดใกล้บ้านเราแล้ว
ทีนี้พอมีคนเล่นเยอะความวุ่นวายก็เลยเกิด บาคาร่า จึงต้องมีการแยกห้องตามคลาสของผู้เล่น ใครชอบความเสี่ยงต่ำ อยากวางเงินเดิมพันน้อยเขาก็จะเอาไปไว้ที่ห้อง มินิบาคาร่า ซึ่งจะใช้เงินเดิมพันกันไม่มาก แต่ถ้าใครที่ชอบความเสี่ยงสูง เขาก็จะมีห้องไว้ โดยใช้ระดับเงินเดิมพันเป็นเกณฑ์การแบ่งห้อง พอทำแบบนี้แล้วนอกจากความวุ่นวายจะหายไป ความสนุกก็เพิ่มขึ้น เพราะผู้เล่นมีระดับใกล้เคียงกัน การข่มขวัญกันก็บังเกิด และมันก็ถูกนำมาสานต่อในโลกของ คาสิโนออนไลน์ อย่างที่เราได้เห็นกันทุกวันนี้
บาคาร่า เล่นยังไง
การเล่นไพ่บาคาร่าแม้ว่าจะใช้ไพ่จำนวนมากถึง 416 ใบ แต่เอาเข้าจริง ๆ ในแต่ละเกมใช้ไพ่เพียงแค่ฝั่งละ 2 ใบเท่านั้น เว้นแต่จะมีการแจกไพ่ใบที่ 3 โดยผู้แจกไพ่จะจ่ายไพ่ให้แต่ละฝ่ายสลับกันจนครบ จากนั้นจึงเปิดหน้าไพ่ขึ้นมาดูว่าฝ่ายไหนมีแต้มรวมใกล้เคียงกับ 9 แต้มมากที่สุด ฝั่งไหนมีแต้มมากกว่าก็ชนะเกมนั้นไป ส่วนเรื่องกติกาอื่น ๆ ผู้แจกไพ่จะคอยควบคุมดูแลเอง ส่วนผู้เล่นมีหน้าที่เพียงแค่เลือกฝั่งเพื่อวางเดิมพันว่าจะแทงเจ้ามือชนะ หรือผู้เล่นชนะ หรือให้เสมอกัน นอกจากนี้บางโต๊ะยังมีเปิดเดิมพันฝั่งไพ่คู่เพิ่มเข้ามาอีกด้วย อย่างไรก็ตามกฎการชนะมีเพียงข้อเดียวก็คือ มีแต้มรวมใกล้เคียง 9 มากที่สุด
วิธีนับแต้มสำหรับไพ่บาคาร่า
การนับแต้มของไพ่บาคาร่าจะดูจากหน้าไพ่ว่ามีกี่แต้มเริ่มตั้งแต่ A (Aces) = 1 แล้วตามด้วย 2 – 9 ส่วน 10, J, Q, K จะมีค่าเป็น 0 (ตามชื่อไพ่บาคาร่า) ตามรูป
เวลานับแต้มจะรวมแต้มจากหน้าไพ่ เช่น 3 กับ 4 จะได้ 7 แต้ม Q กับ K กับ 2 จะได้ 2 แต้ม เพราะ Q กับ K มีค่าเป็น 0 แต่ถ้ารวมแต้มแล้วเกิน 9 จะใช้เลขหลักหน่วยเป็นตัวตัดสิน เช่น 9 กับ 5 รวมแล้วได้ 14 แต่จะนับแค่ 4 ที่เป็นหลักหน่วยเท่านั้น
ในการตัดสินแพ้ชนะจะดูกันที่แต้มรวม เช่น ฝั่งผู้เล่นได้ไพ่ 8 กับ 2 รวมกันได้ 11 ถือว่าฝั่งผู้เล่นมีเพียงแค่แต้มเดียว และฝั่งเจ้ามือมีไพ่ A กับ 7 รวมกันได้ 8 เกมนี้ฝั่งเจ้ามือเป็นฝ่ายชนะเพราะมีแต้มเหนือกว่า หรือก็คือมีแต้มใกล้เคียงกับ 9 มากที่สุดนั่นเอง
บาคาร่า เล่นยังไงกติกาบาคาร่า เรื่องง่าย ๆ ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม
คนส่วนมากพอเข้ามาถึงวงไพ่บาคาร่าก็จะมองเพียงแค่ว่า บาคาร่า เล่นยังไง แต่กลับไม่สนใจ รู้เพียงแค่ว่าเขาต้องแจกไพ่ให้ฝั่งละ 2 ใบ ฝั่งไหนผลรวมของไพ่มากกว่ากันก็ชนะ ทีนี้พอไปเจอกฎไพ่ใบที่ 3 เข้าให้แล้วดันแพ้ด้วยไพ่ใบนี้กลับมาโวยวายว่าอีกฝ่ายโกง ทั้ง ๆ ที่คนแจกไพ่เขาก็ทำตามกฎอย่างเคร่งครัดทุกข้อ การที่เขาไม่ให้ผู้เล่นต้องมาปฏิบัติตามกฎ มีหน้าที่เพียงแค่วางเดิมพัน นั่นเป็นเพราะกฎของบาคาร่ามันมีอะไรที่ซับซ้อน หากผู้เล่นไม่ศึกษากฎการจั่วไพ่ให้ดี ไม่รู้ว่า บาคาร่า เล่นยังไง แบบแท้จริงแล้วคิดตามไม่ทันแน่นอน
หลังจากที่แจกไพ่ครบ 2 ใบทั้งสองฝ่ายแล้ว จะทำการเปิดไพ่เพื่อคำนวณแต้ม แล้วดูว่าแต้มที่ได้เข้าเงื่อนไขใดต่อไปนี้บ้าง บาคาร่า เล่นยังไง ถึงจะได้สิทธิ์จั่วไพ่ใบที่สาม
1. แต้มรวม 8 – 9 แต้ม ถือว่าเกม ไม่ว่าฝั่งไหนก็ตามหากได้แต้มรวม 8 หรือ 9 แต้ม จะถือว่าจบเกมทันทีไม่มีการจั่วไพ่เพิ่ม โดยฝ่ายที่มีแต้มมากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ ในกรณีนี้จะเรียกว่า แนเชอรัล
2. ถ้าได้ 6 – 7 แต้ม ต้องนิ่ง โดยฝั่งผู้เล่นจะไม่สามารถจั่วไพ่เพิ่มได้ ทำได้เพียงแค่นั่งดูฝั่งเจ้ามือ เราจะเรียกกรณีนี้ว่า Still หรือการอยู่เฉย จากนั้นผู้แจกไพ่จะดูว่าแต้มฝั่งเจ้ามือเป็นอย่างไร
2.1 ถ้าได้ 6 – 7 แต้มจะจบเกมทันทีไม่มีการจั่วเพิ่ม
2.2 ถ้าได้ 0 – 5 แต้ม เจ้ามือจะต้องจั่วไพ่ใบที่ 3 ก่อนเริ่มคำนวณแต้มตัดสิน
3. จั่วเพิ่มทันทีเมื่อได้แต้ม 0 – 5 หากฝั่งผู้เล่นได้แต้มรวมไม่เกิน 5 แต้ม จะต้องจั่วไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ และเมื่อจั่วไพ่แล้วก็ต้องไปดูแต้มรวมของเจ้ามือด้วยว่าจะได้สิทธิ์จั่วไพ่เพิ่มหรือไม่ ซึ่งจุดนี้คือจุดที่ซับซ้อน จึงจำเป็นต้องให้ผู้แจกไพ่เป็นคนควบคุมดูแล โดยมีเงื่อนไขการจั่วไพ่ใบที่ 3 ดังนี้
3.1 แต้มรวม 0 – 2 แต้ม เจ้ามือต้องจั่วเพิ่มอีก 1 ใบ
3.2 แต้มรวม = 3 เจ้ามือต้องจั่วเพิ่มอีก 1 ใบ เมื่อไพ่ใบที่ 3 ของฝั่งผู้เล่นไม่ใช่เลข 8
3.3 แต้มรวม = 4 เจ้ามือต้องจั่วเพิ่มอีก 1 ใบ เมื่อไพ่ใบที่ 3 ของฝั่งผู้เล่นอยู่ระหว่าง 2 – 7
3.4 แต้มรวม = 5 เจ้ามือต้องจั่วเพิ่มอีก 1 ใบ เมื่อไพ่ใบที่ 3 ของฝั่งผู้เล่นอยู่ระหว่าง 4 – 7
3.5 แต้มรวม = 6 เจ้ามือต้องจั่วเพิ่มอีก 1 ใบ เมื่อไพ่ใบที่ 3 ของฝั่งผู้เล่นอยู่ระหว่าง 6 – 7
3.6 แต้มรวม = 7 เจ้ามือไม่มีสิทธิ์จั่วไพ่เพิ่ม
หลังจากทำตามกฎแล้ว ก็ถึงเวลาคำนวณแต้มตัดสินแพ้ชนะ ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ดังนี้
1. ถ้าวางเดิมพันไว้ฝั่งผู้เล่น หรือเจ้ามือ ฝั่งที่แต้มมากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้าผลออกมาคือ “เสมอ” และไม่มีใครแทง “เสมอ” เดิมพันจะถูกคืนให้ทั้งสองฝ่าย ถือว่าไม่มีใครได้ใครเสีย
2. ถ้ามีการวางเดิมพันว่าเสมอ แล้วผลออกมาคือ “เสมอ” ฝั่งผู้เล่นกับฝั่งเจ้ามือจะเสียเดิมพันให้กับฝั่งเสมอ
3. ถ้าเดิมพันว่า คู่ผู้เล่น หากไพ่คู่แรก 2 ใบแรกของผู้เล่นออกแต้มเหมือนกัน เช่น A-A, 2-2 ฝั่งเดิมพันคู่ผู้เล่นจะชนะ และที่เหลือจะเสียเดิมพันทั้งหมด
4. ถ้าเดิมพันว่า คู่เจ้ามือ หากไพ่คู่แรก 2 ใบแรกของเจ้ามือออกแต้มเหมือนกัน เช่น J-J, 8-8 ฝั่งเดิมพันคู่เจ้ามือจะชนะ และที่เหลือจะเสียเดิมพันทั้งหมด
อัตราต่อรองของบาคาร่า
อัตราต่อรองเป็นอีกเรื่องที่ผู้เล่นทุกคนควรรู้ เพื่อที่จะได้ตัดสินใจวางเดิมพันได้อย่างถูกต้องแม่นยำ สามารถทำกำไรจากการเล่นบาคาร่าได้อย่างเหมาะสม
1. เมื่อเดิมพันฝั่งผู้เล่น (Player) หากชนะอัตราการจ่ายอยู่ที่ 100% แทง 100 ได้เพิ่มอีก 100 แต่ถ้าแพ้จะเสียเดิมพันทั้งหมด หากเสมอจะได้รับเดิมพันคืนทั้งหมด
2. เมื่อเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker) หากชนะอัตราการจ่ายอยู่ที่ 95% เพราะจะต้องหักค่าคอมให้เจ้ามือ 5% ตาม กฎบาคาร่า ถ้าลง 100 ก็จะได้เพิ่มอีก 95 ถ้าเจ้ามือแพ้ก็เสียเดิมพันทั้งหมด หากเสมอก็ได้เดิมพันคืนทั้งหมด
3. เมื่อเดิมพันว่าเสมอ หากทั้งสองฝ่ายแต้มเท่ากันจะได้รับกำไรสูงถึง 800% หรือ 8 เท่า ลง 100 ได้ 800 แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ ก็จะเสียเดิมพันทั้งหมดเช่นกัน
4. เมื่อเดิมพันว่าออกไพ่คู่ คือออกแต้มเดียวกันทั้ง 2 ใบ เช่น A-A, 2-2 เป็นต้น อัตราการจ่ายอยู่ที่ 11 เท่า เช่น ลง 100 ได้คืน 1,100 ทั้งฝั่งผู้เล่นและฝั่งเจ้ามือจะใช้อัตราการจ่ายเดียวกัน แต่ถ้าไม่ออกไพ่คู่ก็จะต้องเสียเดิมพันทั้งหมด
House Edge อัตราได้เปรียบที่ต้องรู้ก่อนเสียเปรียบ
เมื่อเห็นอัตราต่อรองแล้วหลายคนคงตาลุกวาวไปกับการวางเดิมพันเสมอ หรือไพ่คู่ เพราะสองอย่างนี้สามารถทำกำไรได้มากถึง 8 เท่า 11 เท่า จนลืมคิดไปว่าในโลกของการพนันมันมีอัตราการได้เปรียบซ่อนอยู่ ยิ่งเขายอมจ่ายมากยิ่งหมายความว่าอีกฝ่ายมั่นใจว่าโอกาสที่จะออกมันมีน้อยนั่นเอง เมื่อนำเรื่องสถิติเข้ามาช่วยจับจะเห็นอัตราได้เปรียบของคาสิโนดังนี้
1. เดิมพันฝั่งผู้เล่น เจ้ามือได้เปรียบ 1.2351%
2. เดิมพันฝั่งเจ้ามือ เจ้ามือได้เปรียบ 1.0579%
3. เดิมพันว่าเสมอ เจ้ามือได้เปรียบ 14.3596%
4. เดิมพันว่าออกไพ่คู่ เจ้ามือได้เปรียบ 10.3614%
จะเห็นว่าจุดที่เจ้ามือเสียเปรียบมากที่สุดก็คือการวางเดิมพันฝั่งเจ้ามือ จึงเป็นเหตุให้มี กฎบาคาร่า ที่ว่า หากแทงว่าเจ้ามือชนะ แล้วเจ้ามือชนะจริง จะต้องจ่ายค่าคอมให้กับเจ้ามือ 5% และใครที่เห็นค่า House Edge เช่นนี้แล้ว คงเริ่มจะเปลี่ยนใจไม่ทุ่มทุนลงไปกับการแทง เสมอ หรือออกไพ่คู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ และเพียงเท่านี้เชื่อว่าหลายคนคงรู้แล้วล่ะว่า บาคาร่า เล่นยังไง ถึงจะได้เงิน
อ่ า น เ พิ่ ม เ ติ ม ไ ด้ ที่ …
- ถูกรางวัลที่1 ต้องทำยังไง วันนี้จะมาบอก
- เลขมงคลเสริมดวงตามปีนักษัตร เสริมอำนาจบารมี เสริมดวงชะตา ส่งเสริมความเป็นสิริมงคล
- เหตุผลที่ดีหวยยี่กี และการรันตี ได้ว่าทำไมต้องทำการ แทงหวยยี่กี
- เวลามงคลกันยายน เสริมดวงชะตา ประจำเดือนกันยายน 2566 ตัวช่วยด้านความปัง ความมงคลขั้นสุด
- วิธีเล่นหวยออนไลน์ เล่นอย่างไรยากไหม วันนี้ เรามาหาคำตอบกัน